• โทร.0-4446-9262
  • info@khongcity.go.th

แสดงคำถาม เว็บบอร์ด
ไปหน้าคำถามรวม       ตั้งกระทู้ใหม่

ขอเชิญร่วมตอบคำถามค่ะ

เจ้าของคำถาม
คุณ อยากบอก
วันที่ 12 Sep 2008 09:24
IP 124.120.126.90

หัวข้อคำถาม :

ถ้าสามีเมียน้อย

รายละเอียด :

ถ้าสามีคุณ ไปทำงานที่อื่น นานๆ กลับบ้านมาที ตอนที่อยู่กับคุณ ก็ทำว่ารักคุณเสียเต็มประดา แต่ลับหลังคุณกลับไปมีเมียน้อย ส่งเสียเลี้ยงดูเมียน้อยทั้งครอบครัว
แล้วคุณคนที่อยู่ที่บ้านจะทำยังไง?????

 แจ้งลบคำถามนี้

ผู้ร่วมตอบ

ผู้ตอบ
คุณ อยากตอบ
วันที่ 24 Sep 2008 21:15
IP 125.26.82.189
คำตอบที่ 27

 แจ้งลบคำตอบนี้  

อยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียงครับ...

ผู้ตอบ
คุณ นน
วันที่ 30 Sep 2008 12:42
IP 124.120.124.203
คำตอบที่ 26

 แจ้งลบคำตอบนี้  

................ทำใจเนอะ

ผู้ตอบ
คุณ เม
วันที่ 30 Sep 2008 12:52
IP 124.120.124.203
คำตอบที่ 25

 แจ้งลบคำตอบนี้  

สบายดีกันมั้ย

ผู้ตอบ
คุณ นู๋ดี
วันที่ 2 Oct 2008 17:15
IP 124.120.123.166
คำตอบที่ 24

 แจ้งลบคำตอบนี้  

มีใหม่ไปเลย

ผู้ตอบ
คุณ k
วันที่ 10 Oct 2008 09:16
IP 125.26.84.69
คำตอบที่ 23

 แจ้งลบคำตอบนี้  

แล้วแต่วาสนา

ผู้ตอบ
คุณ ลัลลา
วันที่ 13 Oct 2008 11:19
IP 124.120.124.39
คำตอบที่ 22

 แจ้งลบคำตอบนี้  

เพลง ทำไมต้องยอม

บอกเธอเลยว่ารู้ตัว ไม่ต้องมีใครย้ำรู้ดี ไม่ได้เป็นที่หนึ่ง
เธอมีเขาอยู่ทั้งคน ไม่ต้องการจะแย่งใคร
แต่ไม่ใช้นางฟ้าที่ยอมให้ได้หมดทุกอย่าง มีเลือดเนื้อมีหัวใจ

หรือฉันไม่มีสิทธ์ที่คิดจะดูแลเธอ
คนเขามองว่าเลวเสมอ แค่ฉันรักกับเธอ ก็ผิดไปหมดทุกอย่าง

อยากเป็นคนที่ถอยไป แต่ในใจฉันก็ถามทำไม
ต้องเป็นฉันที่ยอมสูญเสียเธอ
เมื่อเธอก็มีเยื้อใย และฉันเองก็รักเธอ รักไม่แพ้ใครทั้งนั้น
ผิดถูก อยากรู้ดูกันตรงไหน

เจ็บที่คนด่าว่ากัน ว่าไม่มีศักดิ์ศรีที่ยอม ยอมให้เธอทุกอย่าง
บอกตามตรงฉันเสียใจ แค่ต้องการอยู่ข้างกัน
และไม่เคยเรียกร้องอ้อนวอน ขออารัยมากมาย
ไม่อยากเป็นเรื่องวุ่นวาย

หรือฉันไม่มีสิทธ์ที่คิดจะดูแลเธอ
คนเขามองว่าเลวเสมอ แค่ฉันรักกับเธอ ก็ผิดไปหมดทุกอย่าง

อยากเป็นคนที่ถอยไป แต่ในใจฉันก็ถามทำไม
ต้องเป็นฉันที่ยอมสูญเสียเธอ
เมื่อเธอก็มีเยื้อใย และฉันเองก็รักเธอ รักไม่แพ้ใครทั้งนั้น
ผิดถูก อยากรู้ดูกันตรงไหน

อยากเป็นคนที่ถอยไป แต่ในใจฉันก็ถามทำไม
ต้องเป็นฉันที่ยอมสูญเสียเธอ
เมื่อเธอก็มีเยื้อใย และฉันเองก็รักเธอ รักไม่แพ้ใครทั้งนั้น
ผิดตรงที่ฉันรักเธอใช่ไหม..

ผู้ตอบ
คุณ ลัลลา
วันที่ 13 Oct 2008 11:29
IP 124.120.124.39
คำตอบที่ 21

 แจ้งลบคำตอบนี้  

1. ต้องมีจุดหมายปลายทาง




2. จงยิ้มอยู่เสมอ




3. รู้จักแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น




4. จริงใจที่จะช่วยเหลือผู้ตกยาก




5. ทำตัวให้น่ารักเหมือนเด็กๆ




6. เข้าได้กับคนทุกประเภท




7. อย่าตระหนกเมื่อพบสิ่งแปลกใหม่




8. รู้จักมีอารมณ์ขัน




9. รู้จักให้อภัย




10. มีเพื่อนที่รักกันจริงไว้บ้าง




11. รู้จักการทำงานเป็นทีม




12. ให้ความสุขกับชีวิตครอบครัว




13. มีความเชื่อมั่นและภูมิใจในตนเอง
. ต้องมีจุดหมายปลายทาง




2. จงยิ้มอยู่เสมอ




3. รู้จักแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น




4. จริงใจที่จะช่วยเหลือผู้ตกยาก




5. ทำตัวให้น่ารักเหมือนเด็กๆ




6. เข้าได้กับคนทุกประเภท




7. อย่าตระหนกเมื่อพบสิ่งแปลกใหม่




8. รู้จักมีอารมณ์ขัน




9. รู้จักให้อภัย




10. มีเพื่อนที่รักกันจริงไว้บ้าง




11. รู้จักการทำงานเป็นทีม




12. ให้ความสุขกับชีวิตครอบครัว




13. มีความเชื่อมั่นและภูมิใจในตนเอง




14. อย่าดูถูกผู้ที่อ่อนแอกว่า




15. ตามใจตัวเองในบางครั้ง




16. ไม่บ้างาน..หาเวลาหยุดพักบ้าง




17. มีความกล้าหาญและอดทน




18. อย่าเป็นคนกระหายเห็นแก่เงิน






14. อย่าดูถูกผู้ที่อ่อนแอกว่า




15. ตามใจตัวเองในบางครั้ง




16. ไม่บ้างาน..หาเวลาหยุดพักบ้าง




17. มีความกล้าหาญและอดทน




18. อย่าเป็นคนกระหายเห็นแก่เงิน








ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 16 Oct 2008 12:53
IP 124.121.227.207
คำตอบที่ 20

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ทำไมกระต่ายต้องตื่นตูม

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดพระเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภเดียรถีย์ (นักบวชนอกศาสนา) ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นราชสีห์อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง มีดงตาลกับต้นมะตูมอยู่ติดทะเลด้านทิศตะวันตกของป่านั้น ณ ที่ดงตาลนั้นมีกระต่ายตัวหนึ่งอาศัยอยู่ใต้ต้นตาลใกล้ต้นมะตูมต้นหนึ่ง วันหนึ่ง วันหนึ่งเจ้ากระต่ายออกเที่ยวหากินอิ่มแล้ว กลับมานอนพักผ่อนอยู่ใต้ใบตาลแห้ง กำลังนอนคิดเพลิน ๆ อยู่ว่า "ถ้าหากแผ่นดินนี้ถล่ม เราจะไปอยู่ที่ไหนหนอ" ทันใดนั้นเองผลมะตูมสุกลูกหนึ่งได้หล่นลงมาถูกใบตาลเสียงดังลั่นเจ้ากระต่ายนึกว่าเป็นเสียงแผ่นดินถล่ม จึงร้องขึ้นสุดเสียงว่า "แผ่นดินถล่มแล้ว ๆ " พร้อมกับกระโดวิ่งหนีไปสุดชีวิตโดยไม่เหลียวหลังมาดูเลย



กระต่ายตัวอื่น ๆ เห็นมันวิ่งหนีอะไรมาสุดชีวิตจึงร้องถามมันว่า "เจ้าวิ่งหนีอะไรมา" มันทั้งวิ่งทั้งร้องตอบว่า "รีบหนีเร็ว แผ่นดินถล่มแล้ว ๆ" กระต่ายจำนวนนับพันต่างก็รีบวิ่งหนีตายตามมันไปด้วย สัตว์ป่านานาชนิดเมื่อทราบข่าวต่างก็วิ่งหนีตามกระต่ายไป ฝูงสัตว์วิ่งหนีตามกันมาเป็นทิวแถว ราชสีห์เห็นสัตว์น้อยใหญ่วิ่งกันมาฝุ่นฟุ้งกระจุยจึงร้องถามไปว่า "พวกเจ้าวิ่งหนีอะไรมา" ได้รับคำตอบว่า "เจ้านาย แผ่นดินที่โน้นถล่มแล้ว พวกเราวิ่งหนีตาย" แล้วก็วิ่งไปต่อ บ่ายหน้าไปทางหน้าผาสูงชันโดยไม่รู้ตัว ราชสีห์ด้วยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลายเกรงว่าจะตกเหวตายเสียหมด จึงวิ่งไปดักข้างหน้าพร้อมกับคำรามเสียงดังลั่นขึ้น ๓ ครั้ง สัตว์ทั้งหลายพอได้ยินเสียราชสีห์ก็พากันตกใจกลัวตื่นจากภวังค์หยุดวิ่ง



ราชสีห์จึงถามว่า "ใครเห็นแผ่นดินถล่มบ้าง" พวกสัตว์บอกว่า "ช้างเห็นขอรับ" ช้างบอกว่า "เสือเห็น" เสือบอกว่า "แรดเห็น" แรดบอกว่า "ควายเห็น" ควายบอกว่า "หมูป่าเห็น" หมูป่าบอกว่า "กวางเห็น" กวางบอกว่า "กระต่ายเห็น" พวกกระต่าย จึงชี้บอกว่า "กระต่ายตัวนี้เห็นแผ่นดินถล่มครับ..นาย" ราชสีห์จึงถามกระต่ายตัวนั้นว่าเป็นจริงหรือเปล่า กระต่ายตอว่า "ข้าพเจ้าเห็นจริง ๆ นายท่าน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนอนพักผ่อนอยู่ใต้ใบตาลก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ข้าพเจ้าจึงวิ่งหนีตายมานี่ละ.. นายท่าน"



ราชสีห์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจึงบอกให้สัตว์ทั้งหลายรออยู่ที่ตรงนั้นส่วนตนและเจ้ากระต่ายได้เดินกลับไปดูสถานที่ต้นเหตุ ตรวจดูเห็นผมมะตูมสุกลูกหนึ่งวางอยู่ก็เข้าใจทันที จึงกลับมาบอกสัตว์ทั้งหลายว่า "ท่านทั้งหลายเลิกกลัวได้แล้ว เสียงแผ่นดินถล่ม เป็นเสียงผลมะตูมสุกหล่นกระทบใบตาลแห่งดอก เลิกกลัวได้แล้ว" สัตว์ทั้งหลายอาศัยราชสีห์จึงเอาชีวิตรอดมาได้



พระพุทธองค์จึงตรัสพระคาถาว่า



"พวกคนโง่เขลายังไม่ทันรู้เรื่องราวแจ่มแจ้ง ฟังคนอื่นโจษขาน ก็พากันตื่นตระหนก พวกเขาเชื่อคนง่าย ส่วนคนเหล่าใดเป็นนักปราชญ์ เพียบพร้อมด้วยศีลและปัญญา ยินดีในความสงบ และเว้นไกลจากการ ทำชั่ว คนเหล่านั้นหาเชื่อคนอื่นง่ายไม่"

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 16 Oct 2008 13:01
IP 124.121.227.207
คำตอบที่ 19

 แจ้งลบคำตอบนี้  

10 พฤติกรรมที่ทำให้สมองฝ่อเร็ว

วันนี้เกร็ดความรู้มี 10 พฤติกรรมที่ทำให้สมองฝ่อเร็วมาบอกกัน...


1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี่จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม

2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น

3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคสมองฝ่อและโรคอัลไซเมอร์

4. ทานของหวานมากเกินไป จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาของสมอง

5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกาย การสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อน การอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้

7. นอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมอง การขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง


รู้อย่างนี้แล้วก็หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กล่าวมาจะดีกว่า เพื่อจะได้มีสมองที่ดี.

++ อัจฉริยะสร้างได้ วิทยาการใหม่ฝึกสมอง

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 16 Oct 2008 13:08
IP 124.121.227.207
คำตอบที่ 18

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ไปอ่านเจอบทความสุขภาพเรื่องนึง แบบว่า ขำดีแต่มีประโยชน์ก็เลยเอาฝากกัน จะได้ช่วยกันขำ ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่แน่อ่านแล้วอาจช่วยกระตุ้นให้หิวข้าวขึ้นมาได้สำหรับท่านที่เบื่ออาหาร (ช้อเล่นนนน)

มาตรวจสุขภาพด้วย "อึ" กันเถอะ


สำหรับสาวเฟิสต์ที่นิยมการรักษาสุขภาพทั้งหลาย ช่วยกันปรบมือให้กับ "อาจารย์บุนเป โยริฟุจิ (เจ้าของหนังสือ หัวใจอึ)" กันสักหน่อย เพราะอาจารย์ท่านนี้เองที่คิดค้น "การตรวจสุขภาพแบบใหม่" ที่สามารถตรวจได้ทุกวัน และไม่สิ้นเปลืองทรัพย์สินเงินทองเลยสักนิด เพียงแค่ "อึ" ออกมาเท่านี้ คุณก็สามารถรู้แล้วว่า สุขภาพของคุณในช่วงนั้นเป็นอย่างไร
ลักษณะของ "อึ" แบ่งเป็น 7 แบบด้วยกัน

แบบที่ 1 "อึแบบกล้วย"มีสีเหลือง มีกลิ่นแบบพอรับได้ มีปริมาณน้ำประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป เมื่อตกลงน้ำแล้วจะลอยตัว พร้อมจะมีเศษหลุดออกมา อึแบบนี้เป็นอึที่มีสภาพดีมาก บอกถึงสภาพจิตใจที่ดี และอาหารที่รับประทานก็มีความสมดุลต่อร่างกาย ควรรักษาให้มีอึแบบนี้ตลอดไปจะดีต่อสุขภาพของคุณ

แบบที่ 2 "อึแบบผอม"มีสีน้ำตาลแดงปนดำ มีน้ำประมาณ 83 เปอร์เซ็นต์ เวลาปล่อยจะมีลักษณะขาดเป็นช่วงๆ คล้ายเส้นอุด้ง รูปร่างผอมลีบ เหลวข้น และมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว อึแบบนี้จะมาจากคนที่กล้ามเนื้อท้องมีปัญหา อาจเกิดจากการขาดสารอาหาร หรือกำลังอยู่ในช่วงที่ลดน้ำหนักจนมากเกินไป อึแบบนี้ไม่ดีนัก ควรปรับปรุงด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น และดูแลลำไส้ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยของหมัก อาทิ ผักดอง หรือโยเกิร์ต

แบบที่ 3 "อึแบบดินโคลน"มีสีน้ำตาลแดงเข้มค่อนไปทางดำ มีกลิ่นแรงและเหม็นมาก ลักษณะเป็นดินโคลนมีน้ำประมาณ 88 เปอร์เซ็นต์ ถ่ายครั้งละมากๆ คล้ายกับคนเป็นท้องเสีย อึแบบนี้เป็นเพราะร่างกายดูดซึมน้ำไม่เพียงพอ ต้องระวังลำไส้จะเป็นแผล ดังนั้นควรพักผ่อนเยอะๆ เพราะการอึแบบนี้เป็นสัญญาณของการอดนอน อีกทั้งควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์เยอะๆ งดอาหารเผ็ด หรือชา กาแฟ ถ้าอึเป็นแบบนี้นานๆ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อเช็กสุขภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง

แบบที่ 4 "อึแบบน้ำ"มีโอกาสเป็นได้หลายสี ยกเว้นสีน้ำตาล ถ่ายแต่ละครั้งจะมีปริมาณประมาณ 2-3 ถ้วยกาแฟเลย ลักษณะเป็นน้ำ มีกลิ่นเหม็นมาก อึแบบนี้คือ อึที่ลำไส้ไม่ทำหน้าที่ดูดซึมน้ำ สาเหตุก็คงมาจากเรื่องของความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นควรจะพักผ่อนเยอะๆ ทำจิตใจให้สบาย และงดอาหารจำพวกที่มีไขมันและโปรตีนสูง ควรกินผักเยอะๆ แทน และถ้ายังอึเป็นเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

แบบที่ 5 "อึแบบแข็งปนน้ำ" มีโอกาสเป็นได้หลายสี ถ่ายออกมาแต่ละครั้งมีปริมาณประมาณ 1-2 ถ้วยซุป อาจจะเหม็นบ้างไม่เหม็นบ้าง มีลักษณะเป็นน้ำประมาณ 60-90 เปอร์เซ็นต์ และแต่ปริมาณก้อนเศษอาหารที่ผสม อึแบบนี้จะถ่ายออกมาในลักษณะเป็นน้ำสลับแข็ง หรือพร้อมๆ กัน บ่งบอกได้ว่าลำไส้ขาดความแข็งแรงแล้ว อาจเพราะความเครียด หรือมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น ดังนั้นควรพักผ่อนให้เพียงพอ หรือไม่ก็ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพโดยละเอียดอีกครั้ง

แบบที่ 6 "อึแบบแข็ง"มีสีน้ำตาล น้ำตาลแดง หรือดำ มีลักษณะเป็นก้อนหินเม็ดเล็กๆ ประมาณ 2-10 เม็ดเหมือน ‘ขี้กระต่าย’ มีกลิ่นเหม็นมาก และทุกเม็ดแข็งมากๆ นั่นเพราะในลำไส้ขาดน้ำ และอึเม็ดเล็กๆ ไปแข็งอยู่ในลำไส้นาน จึงส่งผลทำให้เกิดโรคท้องผูก ดังนั้นผู้ที่มีอึแบบนี้จึงควรดื่มน้ำเยอะ และทานอาหารที่มีไฟเบอร์ เพื่อให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น และที่สำคัญอย่ากลั้นอึเด็ดขาด มิฉะนั้นโรค "ริดสีดวงทวาร" จะถามหาเอา

แบบที่ 7 "อึแบบดีที่สุด"มีสีเหลืองทอง น้ำหนัก 400 กรัม กลิ่นไม่แรงมากนัก มีลักษณะเป็นขดเป็นวง (เหมือนในการ์ตูน) เสมือนอึแบบกล้วยที่ยาวมากจนขดกันเป็นวงโดยที่ไม่ขาด แถมยังมีความนุ่มนวลอีกด้วย เจ้าของอึแบบนี้ ต้องบอกว่ามีสุขภาพที่ดีเยี่ยม แถมยังมีสภาพจิตใจที่อยู่ในสภาวะสมบูรณ์สุดขีด


ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 16 Oct 2008 13:11
IP 124.121.227.207
คำตอบที่ 17

 แจ้งลบคำตอบนี้  

มีเพื่อนอยู่ โคราช เมืองคงเนี่ยแหละ หวังว่าเพื่อน คงได้อ่านบ้าง

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 20 Oct 2008 09:43
IP 124.120.125.93
คำตอบที่ 16

 แจ้งลบคำตอบนี้  

สาเหตุของการมีพุง อาจมิใช่เพราะไขมัน

คย เป็นบ้างไหมว่า แม้เราจะลดน้ำหนักสักแค่ไหน หน้าท้องของเราก็ยังป่องไม่เรียบตึงเช้งกะเด๊ะซะที คุณควรรู้ไว้ว่า สาเหตุของพุงป่องไม่ใช่จากการรับประท านเพียงอย่างเดียว และคนพุงป่องก็ไม่ได้แปลว่าอ้วนด้วย แต่อาจเป็นเพียงอาการบวมน้ำเท่านั้น ลองเรียนรู้สักนิดเพื่อหาทางกำจัดพุงป่องๆ แบบถาวรกันดีกว่า

1. การแพ้อาหาร


บางครั้งอาการท้องบวมอาจเกิดจากอาการระคายเคืองหรือก ารติดเชื้อของระบบย่อยอาหารในช่องท้อง หรืออาจรวมถึงการรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้บวมน้ำแล ะยังรวมไปถึงการมีรอบเดือนด้วย แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าหน้าท้องของคุณบวมขึ้นผิดปกติหลัง ทานอาหารบางชนิด ให้สันนิษฐานได้ว่าคุณน่าจะมีอาการแพ้อาหารเข้าให้แล ้ว จากสถิติพบว่าอาหารจำพวกแป้งและนมมีโอกาสทำให้เกิดอา การแพ้และบวมมากที่สุด

2.อาหารลดน้ำหนัก

คนที่ชอบหวังพึ่งอาหารลดน้ำหนักจำพวกโลว์-แฟ้ต หรือแฟ้ต-ฟรีมักจะมีปัญหาพุงป่อง เนื่องจากคุณจะคิดว่ามันเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถกินมากกว่าปกติ อาหารพวกนี้อาจมีพลังงานน้อยกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ช่วยย่อย อาทิ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือผักสดต่างๆ

3.กินช้าๆ แต่บ่อยๆ

เลิกนิสัยรีบกินรีบไปซะที ค่อยๆ เคี้ยวอาหารช้า ๆ เพื่อให้ประสาทรับรู้ของเราค่อยๆ รู้สึกอิ่ม และในแต่ละมื้ออย่ากินให้เยอะจนอิ่มแน่นท้อง คุณควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อย ๆ แต่อย่ากินขนมจุบจิบจำพวกขนมนมเนยต่าง ๆ เลือกกินผลไม้หรือธัญพืช เมื่อหิวระหว่างมื้อจะดีกว่า

4.ขจัดสารพิษ

แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคตินในบุหรี่มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่ างกาย ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำและยังก่อให้เกิดเซลลูไลท์อีกด ้วย ดังนั้นเมื่อรู้เหตุดังนี้แล้วก็แค่ลดละเลิกการดื่มเ ครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนต่าง ๆ และเลิกสูบบุหรี่ไปซะด้วยเลยในเวลาเดียวกัน

5.หัดกินสักนิด


ในกระเพาะของเราจะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่เพื่อช่วยในกา รย่อยอาหาร แต่บางครั้งแบคทีเรียเหล่านี้ก็อาจถูกกำจัดไปจากสภาว ะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยหรือการรับประทานอาหารบางชนิ ด แนะนำให้คุณรับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นประจำเพื ่อปรับสมดุลแบคทีเรียกลุ่มที่เป็นประโยชน์ จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและช่วยให้หน ้าท้องของคุณบวมน้อยลงด้วย

6.ดื่มน้ำให้มาก

น้ำเป็นเสมือนขุมทรัพย์แห่งความงามจริงๆ รวมไปถึงอาการบวมน้ำนี้ด้วยคุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่าง ต่ำ 8 แก้วต่อวัน แต่วิธีการดื่มนั้นอย่าดื่มหมดแก้วในคราวเดียวควรจิบ น้ำบ่อยๆ เรื่อยๆ เพราะการที่คุณดื่มน้ำแก้วใหญ่ในคราวเดียว จะทำให้กระเพาะปัสสาวะของคุณขยายใหญ่ ถ้าจะให้ดีลองเลือกดื่มขาสมุนไพร อาทิ ชาเป็ปเปอร์มินต์ หรือชาคาโมไมล์แทนน้ำเปล่า โดยเฉพาะการดื่มในช่วงหลังอาหาร จะช่วยให้อาหารที่คุณรับประทานเข้าไป ย่อยได้ดีขึ้นด้วย

7. บริหารกล้ามเนื้อหัวใจ

ผู้หญิงหลายคนเชื่อว่าการซิตอัพทุกวันจะช่วยให้หน้าท ้องแบนเรียบแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย แม้ว่าการซิตอัพจะช่วยสร้างกล้ามท้อง แต่ถ้าร่างกายของคุณนั้นยังปกคลุมด้วยชั้นไขมันแล้วล ่ะก็ หน้าท้องเรียบตึงก็จะไม่มีวันโผล่มาให้เห็นหรอก ดังนั้นจึงจำเป็นที่คุณจะต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างต่ำ 3 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมันออกไป ผนวกกับการซิตอัพ คราวนี้แหละสวยตึงแน่นอน

8. หายใจลึกๆ


เมื่อคุณหายใจเข้าออกแบบลึกๆ จะช่วยให้ร่างกายจะคลายความตึงเครียดออกมา รวมทั้งยังช่วยในการเติมอ็อกชิเจนและพลังชีวิตให้ร่า งกายด้วย ทุกครั้งที่คุณหายใจให้พยายามหายใจให้ลึกเข้าไปยังท้ อง อย่าหยุดเพียงแค่เก็บลมไว้ในช่องอกการหายใจเข้าออกจา กท้องเป็นนิสัยจะช่วยกระชับให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็ งแรงมากยิ่งขึ้น

9. นวดกระชับหน้าท้อง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการนวด ช่วยได้ จริงๆ เนื่องจากการนวดท้องนั้น ช่วยไล่ลมที่กักเก็บไว้ในช่องท้องได้ และช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นด้วย ณ วิธีการนวดก็ไม่ยาก เพียงวางฝ่ามือลงบนท้องแล้วนวดวนตามเข็มนาฬิกา ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น คุณอาจใช้ครีมจำพวกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องร่วมด้วย ก็ได้




ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 23 Oct 2008 11:01
IP 124.121.227.142
คำตอบที่ 15

 แจ้งลบคำตอบนี้  

คำคมวันนี้
1) คนพาลถ้าจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล
2) ทำดี ย่อมได้ดี ทำอัปปรีย์ มันจะได้ดีได้ยังไง
3) บางสิ่งเราก็ไม่ควรจำ ... ถ้ามันทำให้ใจเจ็บ แต่บางสิ่งเราก็ควรจะเก็บ .. ถ้ามันเป็นความเจ็บที่น่าจำ ! ( โอ้โห ... คิดได้งัย )
4) อย่ามีหัว .. ไว้ให้แค่ผมขึ้น .( รู้จักใช้ซะบ้างสมองอ่ะ .. เดี๋ยวมันจะฝ่อ )
5) ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้ แต่ไม่ต้องเอามาโชว์
6) เจ็บแล้วจำ คือ คน เจ็บแล้วทน คือควาย
7) พอใจเท่าที่มี ... ยินดีเท่าที่ได้
8) สิ่งที่สอนคนเราไม่ได้ ก็คือ " สามัญสำนึก "
9) ไปให้สุด .......... แล้วหยุดแค่คำว่าพอ ........
10) สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
11) จงซื่อสัตย์กับแฟนตัวเอง แล้วจงครื้นเครงกับแฟนคนอื่น
12) หากเดินตามรอยเท้าคนอื่น ก็ไม่มีวันมีรอยเท้าเป็นของตัวเอง
13) มาสาย กลับก่อน นอนกลางวัน มันส์กลางคืน
14) สุราไม่ได้สร้างวีรบุรุษ ...... แต่วีรบุรุษก็ขาดสุราไม่ได้
15) ความพยามครั้งที่ 100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
16) ทำคืนนี้ให้ดีที่สุด และอย่าหยุดถ้าไม่ถึงจุดสุดยอด ( อันนี้ขำขำแอบทะลึ่งเล็กน้อย )
17) ทุกนาง ... งามสรรพ ... เมื่อดับเทียน 555)
18) สุขใดไม่เท่าล้วงกระเป๋า แล้วเจอตังค์ 555
19) คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด .. คนฉลาดย่อมเป็นเหยื่อของ .. คนฉลาดที่แกล้งโง่
20) สามีคือเป้าหมาย ผู้ชายคือทางผ่าน คบเด็กคือนิพพาน ขึ้นคานคือตายทั้งเป็น
21) การดื่มเหล้าให้เมาไม่ใช่ยี่ห้อของสุรา .. การศึกษาคือความรู้ที่ได้มาไม่ใช่สถาบัน
22) = อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
23) ยามศึกเรารบ ยามสงบเราปฏิวัติ ( อันนี้ขำขำนะ อย่าเครียด เอิ้ก ๆ ๆ )
24) อ่อนโยน แต่อย่าอ่อนแอ
25) เมียซื้อเงินสด รถซื้อเงินผ่อน ( สำหรับคนจะแต่งงาน อิอิ )
26) ถ้าคนเราไม่ปล่อยวางอดีต ก็จะไม่รู้จักอนาคต
27) มนุษย์ แท้จริงแล้วไม่ได้โตด้วยอาหาร แต่โตได้ด้วยความลำบาก
28) เมียรวยช่วยเราได้ (555)
29) เพื่อนกิน เพื่อนกัน เพื่อนกินไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน
30) ชะตาฟ้าลิขิต ... แต่ชีวิตนะของ***
31) รักแท้ต้องแย่งชิง .. รักจริงต้องปล่อยไป
32) ตัดกระดาษต้องใช้กรรไกร . แต่ตัดใจต้องใช้เวลา
33) กาเม มอระนัง ทุกขัง โลเก ...( กามตายด้านเป็นทุกข์ในโลก )
34) รักดีกินถั่ว รักชั่วกินเหล้า .. รักดีรักชั่ว กินถั่วแกล้มกะเหล้าเอิ้ก ๆ ๆ
35) สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วชนะก็คือ " การที่คนดีนิ่งดูดาย "
36) กำขี้ดีกว่ากำตด แต่ถ้ากำขี้สดๆกำตดจะดีกว่ากำขี้ ( นะ )
37) ทำแล้วเสียใจยังดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
38) จุดยืนของเราทุกคนคือ " ส้นตีน " ( มีใครจะเถียงมั๊ย )
39) กระบี่อยู่ที่ใจ แค่ไม้ไผ่ก้อไร้เทียมทาน
40) เห็นงานเป็นลม เห็นนมสู้ตาย สู้ว้อยยยยยยยยยย
41) ตัวอย่างที่ดี ... มีค่ากว่าคำสอน
42) ดี - ชั่วไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์ ...

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 24 Oct 2008 14:28
IP 124.121.228.3
คำตอบที่ 14

 แจ้งลบคำตอบนี้  

แหวน นอกจากจะเป็นเครื่องประดับที่แสดงออกถึงความรัก และแสดงตัวตนของแต่ละคนในด้านแฟชั่นแล้ว การสวมแหวนในแต่ละนิ้วทำให้เราโชคดีในเรื่องต่างๆ ด้วย


ว่าแต่จะเป็นโชคเรื่องอะไร แล้วนิ้วไหนจะส่งผลอะไร ลองมาดูกันเลย!


ถ้าอยากให้ความรักมั่นคง ก็ต้องนิ้วที่ตรงกับหัวใจที่สุด อย่างนิ้วนางข้างซ้ายเลย


ถ้าอยากให้มีโชคในเรื่องความรัก ต้องสวมแหวนนิ้วก้อยข้างซ้าย


ถ้าอยากให้ใครคนนั้นสนใจ ต้องสวมแหวนที่นิ้วชี้ข้างซ้าย


ถ้าอยากโชคดีและมีความราบรื่นในด้านต่างๆ ต้องสวมแหวนที่นิ้วนางข้างขวา


ถ้าอยากมีเสน่ห์คนชอบมากๆ ต้องสวมแหวนที่นิ้วหัวแม่มือ จะเป็นด้านขาว หรือด้านซ้ายก็ด้าย


ถ้าอยากปลอดภัยจากความชั่วร้าย ต้องสวมแหวนที่นิ้วกลาง จะสวมข้างไหนก็ด้าย


ถ้าอยากมีโชคทางการเงิน ต้องสวมแหวนที่นิ้วกลางข้างขวา


ผู้ตอบ
คุณ เบื่อ เซ็ง
วันที่ 27 Oct 2008 12:30
IP 124.120.118.61
คำตอบที่ 13

 แจ้งลบคำตอบนี้  

สามี มีเมียน้อยเหมือนกัน พอจับได้ เค้าก็บอกเราว่า ให้ต่างคน ต่างอยู่ ยังไงเค้าก็ไม่เลิกกับใครทั้งนั้น ถ้าเค้าสบายใจที่จะอยู่กับใครเค้าก็จะไปหาคนนั้นบ่อยๆ

ทุกวันนี้ ก็ยังเหมือนเดิม เค้าก็ยังไม่เลิกกับเมียน้อย และยังไม่เลิกกับเรา ไม่ยอมเซ็นต์ใบหย่าให้เรา ร้องไห้ทุกวันยังไงก็ทำใจไม่ได้ เบื่อ เซ็ง

ผู้ตอบ
คุณ สายน้ำไม่ไหลกลับ
วันที่ 27 Oct 2008 17:06
IP 124.120.123.174
คำตอบที่ 12

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ที่ผ่านมา พี่ทำให้เรารู้ว่า ความรัก ความจริงใจ ที่มีให้ มันไม่มีค่าอะไรเลย
ไม่เหลือเลย แม้แต่ความผูกพัน

ผู้ตอบ
คุณ สายน้ำไม่ไหลกลับ
วันที่ 27 Oct 2008 17:08
IP 124.120.123.174
คำตอบที่ 11

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ที่ผ่านมา พี่ทำให้เรารู้ว่า ความรัก ความจริงใจ ที่มีให้ มันไม่มีค่าอะไรเลย
ไม่เหลือเลย แม้แต่ความผูกพัน

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 28 Oct 2008 14:34
IP 124.120.118.147
คำตอบที่ 10

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ไร้กรอบ....ดร.วรภัทร ภู่เจริญ


ไร้กรอบ

เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมครับ
เขาเคยเป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน

เคยได้รับรางวัลงานวิจัยที่ดีที่สุดระดับโลกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่นตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ
1. อยากดูแลพ่อแม่
2. ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา
3. อยากเที่ยว และ
4. ชอบกินอาหารอร่อย

เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง
ผมประทับใจบทสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทรใน "เสาร์สวัสดี" ของ "กรุงเทพธุรกิจ "
เมื่อประมาณ 1-2 เดือนก่อนมาก คนอะไรก็ไม่รู้ ชีวิตมันส์เป็นบ้า ความคิดก็กวนเหลือหลาย

ตอนที่เขาเป็นอาจารย์ วิธีการสอนหนังสือของเขาแปลกกว่าคนอื่น
" ผมออกนอกกรอบตลอดเวลา" เขาบอก

เขาเคยพาเด็กวิศวะไปที่ริมสระว่ายน้ำ เรียนไปและดูนิสิตสาว ๆ ว่ายน้ำไปด้วย
คาดว่าคงไปเรียนเรื่อง "คลื่น"
ระหว่างท่าฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ คลื่นที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากัน
ระหว่างชุดทูพีซกับวันพีซ แรงเสียดทานกับน้ำ ชุดไหนมากกว่ากัน
แนวการศึกษาน่าจะออกไปทำนองนี้

แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนที่เขาออกข้อสอบ ข้อสอบของเขาสั้นและกระชับมาก
" จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย" โหย...เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง
คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่ายๆ เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด ผลปรากฎว่าได้ศูนย์กันทั้งห้อง เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้งสมกับที่เรียนมาทั้งเทอม

เหตุผลที่ ดร.วรภัทร
ออกข้อสอบด้วยการให้นิสิตออกข้อสอบเองเป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก
" ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาโจทย์มาเอง
คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้"

เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่างมาป้อนให้ไม่รู้จักคิดเอง
" ถ้ารอและตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณแย่กว่าเพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง
คือ รออาหารที่คนอื่นป้อนให้"
โหย...เจ็บ ผมเชื่อมานานแล้วว่าชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบอัตนัยที่ต้องตั้งโจทย์เองและตอบเอง ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่มีคนตั้งโจทย์ และมีคำตอบเป็นทางเลือก ก-ข-ค-ง
ถ้าใครที่คุ้นกับ "ชีวิตปรนัย" ที่มีคนตั้งโจทย์ให้และเสนอทางเลือก 1-2-3-4

คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลาติดกับ "กรอบ" ที่คนอื่นสร้างให้ ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและตั้งคำถามเอง

เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าลืมว่าเพราะมี "คำถาม" จึงมี"คำตอบ"
เมื่อมี "คำตอบ" เราจึงเลือกเดิน พูดถึงเรื่องการตั้งคำถาม ผมนึกถึง"โสเครติส"

เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา
ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ สร้างองค์ความรู้จาก "คำถาม"
กลยุทธ์ของ " โสเครติส" ในการสอนคือไม่ให้ความเห็นใดๆ แก่นักเรียน
และทำลายความมั่นใจของ นักเรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้

"โสเครติส" เชื่อว่าเมื่อเด็กตระหนักใน " ความไม่รู้" ของตนเอง เขาจะเริ่มต้น
แสวงหา " ความรู้ " แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี "ความรู้" เขาก็จะไม่แสวงหา "ความรู้"

การตั้งคำถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตีและทำลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน เป็นกลยุทธ์เท "น้ำ" ให้หมดจากแก้ว เมื่อแก้วไม่มีน้ำ
แล้วจึงเริ่มให้เขาเท " น้ำ" ใหม่ใส่แก้วด้วยมือของเขาเอง
" น้ำ" ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเองมาจาก "คำตอบ" ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง
" คำตอบ" จาก "คำถาม" ของ "โสเครติส"

" โสเครติส" นิยามศัพท์คำว่า " คนฉลาด" และ "คนโง่" ได้อย่างน่าสนใจ
" คนฉลาด" ในมุมมองของ "โสเครติส" นั้นไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง
แต่ "คนฉลาด" คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ส่วน " คนโง่" นั้น คือ
คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้

ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้ผมยังมีความภาคภูมิใจใน "ความรู้" ของตนเอง
แต่พออ่านถึงบรรทัดนี้ ทำไมผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย =

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 28 Oct 2008 14:41
IP 124.120.118.147
คำตอบที่ 9

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 29 Oct 2008 12:05
IP 124.120.119.50
คำตอบที่ 8

 แจ้งลบคำตอบนี้  

อยากลองดูกันหน่อยไหมล่ะ ว่าจะรู้สึกดีแค่ไหน

1. เริ่มจากบริเวณหน้าผาก ให้ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางเริ่มจากกึ่งกลางหน้าผากนวดวนขึ้นเป็นแนวขดลวด (ขึ้นหนักลงเบา) นวดจนถึงบริเวณขมับ 6 จังหวะ ทำซ้ำ 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายให้กดจุดที่ขมับเพื่อความผ่อนคลาย

2.บริเวณรอบดวงตา และยกกระชับริมฝีปาก ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางนวดเบาๆ บริเวณใต้ตา โดยเริ่มจากแนวโครงกระดูกเบ้าตาล่าง วนไปมาเบาๆ นับ 1 ครั้ง (ทำซ้ำ 3 ครั้ง) จากนั้นเริ่มนวดจากบริเวณใต้โพรงจมูก ลูบออกด้านข้างในลักษณะบกผิวขึ้น ลูบไปมา 3 ครั้ง และเลื่อนนิ้วลงมาบริเวณใต้ท้องริมฝีปากล่าง ลูบออกตามแนวริมฝีปากในลักษณะยกขึ้น ทำซ้ำ 3 ครั้ง

3.ยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณมุมปาก ใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณกึ่งกลางคางขึ้นไปที่บริเวณมุมปากในลักษณะยกขึ้น (ทำซ้ำ 3 ครั้ง)

4.ยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม ใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณมุมปากในลักษณะยกผิวขึ้นเป็นมุมกว้าง ค้างไว้สักครู่แล้วค่อยลูบลง (ทำซ้ำ 3 ครั้ง)

5.ผ่อนคลายความตึงเครียดบริเวณดวงตา ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางกดบริเวณหัวตาทั้ง 2 ข้าง กดเบาๆ นับ 1-3 แล้วลูบผ่านเปลือกตา และวนรอบดวงตา กลับมากดที่หัวตา (ทำซ้ำ 3 ครั้ง) โดยครั้งสุดท้ายลูบผ่านเปลือกตาไปกดจุดที่บริเวณขมับ



คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 29 Oct 2008 12:08
IP 124.120.119.50
คำตอบที่ 7

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ถ้าใครไม่อยากเป็นสิวผด วันนี้มีวิธีป้องกันสิวผดมาฝากกัน....


สิวผด จัดเป็นสิวประเภทหนึ่ง ที่พบบ่อยๆ มีลักษณะคล้ายผดผื่นเล็กๆ และแหลม โดยพบว่า มักจะดูเรียบหรือดีขึ้นในตอนเช้า และจะเห่อๆ ในตอนบ่ายๆ ผื่นอาจมีสีแดงและคันได้ หากล้างหน้าบ่อยขึ้น มักเป็นมากขึ้น และหากรักษาไม่ถูกต้องจะเป็นมากขึ้น บริเวณที่พบได้บ่อยๆ คือ บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะ หน้าผากและขมับ


สาเหตุ ที่พบบ่อย คือ

1. จากความร้อน

2. แสงแดด

3. การเช็ดถูหน้าบ่อยๆ หรือ การเช็ดถูหน้าแรงๆ

4. เครื่องสำอางบางประเภท

5. บางครั้ง เชื่อว่า เชื้อรา P.OVALE มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย


วิธีป้องกันสิวผด คือ


ลดการรบกวนต่อผิวหน้าให้น้อยที่สุด (Mechanical Irritation) เช่น การนวดหน้า,การขัดหน้า,หรือเช็ดถูหน้าบ่อยๆ


ล้างหน้าเฉพาะที่จำเป็น หรือบริเวณที่ผิวมัน เพราะ การล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้สิวผด รุนแรงมากขึ้นได้


ลด หรือหลีกเลี่ยง การใช้ครีมหรือยาที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองมากขึ้น (Chemical Irritation) เช่น การใช้ยารักษาสิวประเภท Retinoic Acid,Benzoyel Peroxide AHA,BHA เป็นต้น


ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า,หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ และไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้างหน้า และควรล้างหน้าไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อวัน


ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน ควรเลือกกันแดดที่มี SPF >15-30 และมีค่า PA++ เป็นอย่างน้อย


ไม่ควรซื้อยามารักษาผื่นเอง เพราะมักทำให้เป็นมากขึ้น และยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา มักเป็น STEROID ซึ่งมีผลข้างเคียงมาก


ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่มีความชำนาญ เพื่อหาสาเหตุ และพร้อมทั้งการแก้ไขและรักษาที่ถูกต้องต่อไป


รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากเป็นสิวผด ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปดูแลรักษาผิวกันได้

ผู้ตอบ
คุณ 6389
วันที่ 11 Nov 2008 13:52
IP 124.120.123.209
คำตอบที่ 6

 แจ้งลบคำตอบนี้  

เป็นคนหนึ่ง ที่ยังคิดถึงเธออยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเธอจะมีคนอื่นแล้ว
แต่ฉันก็ยังเหมือนเดิม ยังรออยู่ที่เดิม เคยเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น
...ยังรัก...

ผู้ตอบ
คุณ หิวจัง
วันที่ 11 Nov 2008 17:12
IP 124.120.123.209
คำตอบที่ 5

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ไข่หวานมะพร้าวอ่อน

ส่วนผสม

ไข่นกกระทา 20 ฟอง
เนื้อมะพร้าวอ่อน 200 กรัม
น้ำมะพร้าวอ่อน 600 กรัม
น้ำตาลทราย 190 กรัม

วิธีทำ

1. ล้างเปลือกไข่ให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง หั่นมะพร้าวอ่อนเป็นชิ้นเล็กยาวพอควร ชิมน้ำมะพร้าว ถ้ามีรสหวานหรือจืดใช้ได้ แต่ถ้ามีรสเปรี้ยวห้ามใช้ (ขอแนะนำให้เลือกใช้น้ำลอยดอกมะลิแทน)
2. ผสมน้ำมะพร้าวอ่อน น้ำตาลทรายในกระทะทอง ตั้งไฟใช้ไฟปานกลาง
3. พอเดือดพล่านต่อยไข่นกกระทาใส่พอไข่สุก 80% ใส่มะพร้าวอ่อน รอเดือดอีกครั้งยกลงเสิร์ฟร่อนๆ

ผู้ตอบ
คุณ จุ๊บๆ
วันที่ 14 Nov 2008 16:32
IP 124.120.116.181
คำตอบที่ 4

 แจ้งลบคำตอบนี้  

รักๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผู้ตอบ
คุณ unloveable
วันที่ 18 Nov 2008 11:33
IP 124.120.120.79
คำตอบที่ 3

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ไปก่อนแล้วนะคะ คงไม่เข้ามาที่ ตรงนี้อีก

ขอโทษด้วยที่เข้าพิมพ์ อะไรไร้สาระ

ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วค่ะ

บาย

ผู้ตอบ
คุณ เมียน้อยคร่า
วันที่ 17 พ.ค. 2553 16:30
IP 118.173.174.176
คำตอบที่ 2

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ฮาโหลๆๆ มีใครอยู่บ้านนี้บ้างคะ

สามีมีเมียน้อย ก้ปล่อยสามีไปสิคะ อยากจะมีสักกี่คน มีไปเลย
มันต้องแบ่งๆๆกันมั่ง

ผู้ตอบ
คุณ นายกปลอม
วันที่ 24 ก.ย. 2556 16:59
IP 182.52.108.71
คำตอบที่ 1

 แจ้งลบคำตอบนี้  

ลองให้ลูกถาม พ่อเค้าดีมั้ยว่า พ่อจะเอายังไง เลิกได้มั้ย ให้ลูกลองถามพ่อเค้าดู เผื่อจะสำนึกนะ

เชิญร่วมตอบคำถามได้ที่นี่ค่ะ

เลือกคลิกที่ Icon เพื่อเลือกรูป ลักษณะ สี ประกอบคำตอบ

ชื่อผู้ตอบ :



คำตอบของคุณ :





กรุณาป้อน ตัวอักษรที่ท่านเห็นในรูป ด้านบนนี้ ลงในช่องด้านล่าง